Equipment Review

Native Instrument Maschine

  • สวัสดีครับ ผมดีเจบู๊ตั๋ง หลังจากที่ตัวผมได้ตัวเจ้า Maschine ใว้ในครอบครองมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ผมได้มีเวลาว่างอยู่บ้านประกอบกับฝนตกพรำๆไม่เอื้อที่จะออกไปประกอบกิจการงานใดๆ จึงเกิดไอเดีย เปิดคอมพ์ คว้ากล้องถ่ายรูปมาทำบทวิจารณ์เกี่ยวกับเจ้า Maschine เครื่องนี้ดีกว่า
  •  Maschine เป็นอุปกรณ์ควบคุมโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกกันติดปากว่าคอนโทรเลอร์  รองรับระบบปฏิบัติการ ทั้ง Window และ Mac ผลิตโดย Native Instrument ซึ่งมีเชื่อเสียงในกลุ่มผู้ใช้โปรแกรมดีเจ อย่าง Tracktor scratch รวมถึงชื่อเสียงในกลุ่มคนทำเพลง โปรดิวเซอร์ กับโปรแกรมสร้างเสียงอย่าง Reaktor ซึ่ง Maschine นี้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานรองรับทั้ง 2 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำเพลง หรือการเล่นดีเจก็สามารถทำได้

  • แว๊บแรก  บอกได้คำเดียวว่า เยอรมันมาเอง เมื่อเอ่ยชื่อถึงประเทศผู้ผลิตรายนี้ล้วนทราบกันดีถึงรถถังที่ทรงพลัง, รถ BMW ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี, รถจักรยานที่เรียบง่ายและคลาสสิค และเมื่อผมได้สัมผัสกับ Maschine สี่งที่เห็นคือ การออกแบบที่สุขุม งานการประกอบภายนอกที่เนียนกว่าคอนโทรเลอร์ทั่วๆไป วัสดุโครงสร้างที่แข็งแรง 16 ปุ่มยาง(Pads)ที่ทนทานเพื่อเตรียมรองรับแรกกระแทกจากเหล่าศิลปิน 11 ปุ่มหมุน(Knob)แบบฟรี เพื่อรองรับการใช้งานที่กว้างกว่าแบบ 1 รอบหมุน  41ปุ่มควบคุมฟังชั่นต่างๆที่ดูแล้วทนมือไม่เบา ลักษณะหน้าเพลตเฉียงเข้าหาตัวเล็กน้อยพอสวยงาม และยังมีประโยชน์ ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดภายใต้กระจกบริเวณจอแสดงผลด้านบนได้สะดวกขึ้น ขนาดของตัวเครื่องไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป วางคู่ macbook pro13 นิ้ว ได้พอดี


  • ฟังชั่นการใช้งาน ค่อนข้างละเอียดและซับซ้อนพอสมควร เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้กว้างขวางแต่อยู่ในร่างกระทัดรัด ปุ่มควบคุมต่างๆจึงสามารถควบคุมฟังชั่นที่ต่างกัน ทั้งการกดค้าง กดพร้อม shift และกดพร้อมเลือกฟังชั่น ซึ่งอาจมึนในช่วงแรก แต่พอชินแล้วจะรู้สึกว่าทำงานได้ลื่นและรวดเร็วขึ้นมากครับ
  • เริ่มแรกเมื่อเสียบกับคอมพิวเตอร์ จะเกิดไฟวิ่งบน maschine เล็กน้อยดูเท่ห์ดี บนหน้าจอของ maschine จะแสดงข้อความ "start maschine software or press shift+control for midi" นั่นหมายถึงให้เราเปิดโปรแกรม maschine เพื่อเริ่มการทำงานในโหมดปกติ หรือ กด shift พร้อม control เพื่อเริ่มการทำงานในโหมดคอนโทรเลอร์ กับโปรแกรมอื่นๆ

  • และเมื่อเปิดโปรแกรมของ maschine ขึ้นมาก็จะมีไฟขึ้นสวยงามแสดงฟังชั่นการใช้งานต่างๆของโปรแกรม ซึ่งเราแทบไม่ต้องเงยหน้ามองคอมพ์เลยเนื่องจากการทำงานทุกอย่างเราสามารถควบคุมจากตัวคอนโทรเลอร์ได้ทั้งหมดทั้งการหาซาวด์ การปรับแต่งซาวด์ การก๊อปปี้ การลบ การแก้ไขตำแหน่งของตัวโน้ต และเรายังสามารถเลือกโหมดQuantize ว่าให้ตรงมาก หรือตรงน้อยได้ตามต้องการ Pads มีค่าความละเอียดของน้ำหนักค่อนข้างสูง สามารถเล่นสดได้สบาย
  • หลายคนอาจมองหาเมโทรนอม ซึ่งการเปิดใช้งานนั้นต้องกดปุ่ม shift + play 
  • จะย้ายเสียงจาก Pad เดิม ไปวางใว้ Pad อื่นก็แค่ กด Duplicate พร้อม pad เดิม ตามด้วย ตำแหน่งPad ใหม่
  • กด erase ตามด้วย pad เสียงที่ต้องการจะลบได้เลย
  • อยากเล่นเสียงใหนเป็นKey ให้กด shift + pad mode

  • คร่าวๆ สำหรับการใช้ maschine ในโหมดทำเพลงนะครับ ตอนนี้เรามาต่อกันด้วย การใช้ Maschine มาคุม Traktor กันบ้างดีกว่า
  • เมื่อปิดโปรแกรมของ maschine ลงไป และเปิด traktor ขึ้นมาแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า maschine ของเรานั้นอยู่ในสภาพมึดดำ ไรแสง และการควบคุมใดๆ ไม่ต้องตกใจครับ เราเพียงแค่กด shift+control ความสดใสก็จะกลับมาอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะว่าเราได้เปิดการทำงานในแบบ MIDI ให้กับ maschine ของเราเรียบร้อยแล้ว

  • และหลังจากนั้นให้เราเลือก Template ของ traktor โดยการ กด shift และกด  < หรือ > บน maschine เป็นการเลือกพรีเซต ของ โปรแกรมต่างๆ หรือ จะตั้งค่าเองก็ได้นะครับ

  • หลังจากที่เลือกพรีเซต ของ Traktor เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถใช้ maschine คุมได้เลย โดยที่เวลาเรากดปุ่ม หรือหมุน ปุ่ม บนหน้าจอของ maschine ก็จะบอกเราว่า ปุ่มนี้ ใช้คุมอะไร สะดวกมาก


  • maschine บน traktor นั้นสามารถ ควบคุมได้หลายอย่าง ทั้งการเลือกเพลง, โหลดเพลง, hot cue, play, ควบคุม FX, Loop เป็นต้น

  • สำหรับตัวผมแล้ว maschine สำหรับงานทำเพลง เปรียบเหมือนการนำเอาข้อดีของการใช้ MPC และของ การใช้ Software มารวมอยู่บนคอนโทรเลอร์ตัวนี้ ผมสามารถสร้างงานได้เร็วขึ้น และด้วยขนาดที่กระทัดรัด ผมสามารถนำ maschine ไปหาแรงบันดาลใจนอก studio ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น ร้านกาแฟ ในสวนสาธารณะ สนามหลังบ้าน ร้านล้างรถ ทุกที่
  • ส่วนเรื่อง maschine กับ Traktor นั้นก็เช่นกัน maschine ถูกออกแบบให้ดึงเอาความสามารถของ โปรแกรมTraktor ออกมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องที่ว่าจะดึงออกมาได้มากน้อยขนาดใหนนั้นอยู่ที่ตัวผู้ใช้เองแล้วหละครับ